ปัจจุบันช่องทางการสื่อสารออนไลน์มีตัวเลือกให้คนทั่วไปได้ใช้งานกันหลากหลาย ซึ่งใครที่เป็นสายเกมเมอร์คงคุ้นเคยกับ “Discord” (https://discord.com) พอสมควร ทว่าด้วยช่วงที่ผ่านมามีการปรับแนวทางทำงานในรูปแบบ Work From Home กันมากขึ้น หลายคนจึงต้องพยายามหาตัวช่วยการสื่อสารที่สะดวก รวดเร็ว มีฟีเจอร์ให้ใช้งานแบบครอบคลุมในทุกมิติ และนั่นจึงเป็นที่มาของความยอดนิยมและกำลังถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับแพลตฟอร์มนี้ มาทำความรู้จักกันเลยว่า Discord คืออะไร
ตอบข้อสงสัย Discord คืออะไร
Discord คือ รูปแบบของแพลตฟอร์มสื่อสารออนไลน์ประเภทหนึ่งที่มีสามารถใช้งานได้หลายด้านไม่ว่าจะเป็นการแชทพูดคุยด้วยตัวอักษรทั่วไป การสื่อสารด้วย Voice Chat รวมถึง Video Chat หากเทียบให้เห็นภาพง่ายขึ้นอารมณ์ก็คล้ายการนำ Slack ซึ่งเป็นแอปที่ได้รับความนิยมในการคุยแชทและ Skype แอปยอดฮิตสำหรับการวิดีโอคอลมารวมกันจนเกิดเป็นความสะดวกแบบนี้นั่นเอง
ความนิยมของการใช้ Discord บนโลกการทำงาน
เดิมทีการใช้ดิสคอร์ดจะนิยมในหมู่บรรดาเกมเมอร์ทั้งหลายเหตุเพราะมันสามารถเชื่อมต่อและคุยได้ทั้งช่องทางแชท มีให้เลือกว่าต้องการแชทแบบส่วนตัวหรือแชทแบบกลุ่ม ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันก็ยังพูดคุยผ่าน Voice Call หรือการสื่อสารด้วยเสียง ส่วนใครอยากเห็นหน้าตา ท่าทาง สีหน้าแววตาของเพื่อนก็เปิดเป็น Video Call ได้ รวมถึงยังสามารถแชร์หน้าจอให้เพื่อนคนอื่นดูได้อีกต่างหาก
จากความครอบคลุมดังกล่าวนี่เองจึงทำให้แพลตฟอร์มนี้เริ่มเข้ามามีบทบาทกับการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะยุคก่อนหน้าที่หลายคนต้อง Work From Home การนำเอาแอปนี้เข้ามาจึงช่วยให้เกิดความสะดวก ไม่ต้องเชื่อมต่อกันหลายช่องทางให้ยุ่งยาก อยากแชทเป็นกลุ่ม แชทเดี่ยว พูดคุยประชุมงานแบบใช้เสียง แชร์หน้าจอใด ๆ ก็ทำได้ตามสะดวกเลย เรียกว่าเป็นหนึ่งในโปรแกรมประชุมงานออนไลน์ที่น่าสนใจ
จุดเด่นสำคัญของการใช้ Discord ในการทำงาน
อย่างที่อธิบายไปว่าทุกวันนี้การใช้ Discord กลายเป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตสำหรับคนทำงานกันไปเรียบร้อย ซึ่งจุดเด่นสำคัญของแพลตฟอร์มดังกล่าวก็มีอยู่ด้วยกันพอสมควร ใครยังไม่เคยใช้หรือยังลังเลใจว่ามันจะดีจริงอย่างที่ยกย่องกันมากแค่ไหน มาศึกษาเรื่องนี้กันเลย
1. สร้างหรือค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการพูดคุย
ในการพูดคุยกับผู้อื่นเป็นเรื่องปกติที่คุณไม่ได้ต้องการเหมารวมคนทั้งหมด แต่อาจอยากคุยงานเป็นการส่วนตัวหรือแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การใช้งานแอปนี้จะมีฟีเจอร์ให้คุณสามารถสร้างเซิร์ฟเวอร์เฉพาะแถมยังเลือกได้ด้วยว่าต้องการคุยผ่านแชทข้อความอย่างเดียว หรือคุยทั้งแชทและเสียง วิดีโอ เมื่อเปิดเซิร์ฟเวอร์ของตนเองเรียบร้อยก็ทำการชวนคนที่ต้องการพูดคุยเข้ามาร่วมอยู่ในวงสนทนาได้ทันที มากไปกว่านั้นยังกำหนดค่าได้อีกว่าต้องการให้ห้องสนทนานี้เป็นแบบส่วนตัว สาธารณะ หรือพูดคุยกับแค่คนที่ถูกรับเชิญเข้ามา
ในอีกมุมหนึ่งคุณสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่ตนเองต้องการคุยได้ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นแบบสาธารณะที่พูดคุยเนื้อหาความสนใจแบบเดียวกัน เช่น เรื่องเกม เรื่องฟุตบอล เรื่องการเมือง หลักการคือ พิมพ์ชื่อห้องที่ต้องการค้นหาหากเจอแล้วก็เข้าร่วมได้ทันที อีกทั้งยังมีห้องที่เรียกว่า Verified Server ที่ได้รับการยืนยันตัวตน (อารมณ์คล้ายเซิร์ฟเวอร์ทางการ) ให้สบายใจอีกด้วย
2. ควบคุมการพูดคุยในห้องสนทนาได้หลายรูปแบบ
ในกรณีที่คุณเลือกเปิดห้องสื่อสารแบบ Voice สามารถควบคุมการทำงานได้ในหลายมิติ เริ่มตั้งแต่หากเข้าไปนั่งเป็นผู้ฟังก็กดปิดไมโครโฟนเพื่อไม่ให้เสียงรบกวนผู้พูดคนอื่น ซึ่งใครที่ปิดไมค์อยู่จะมีสัญลักษณ์บอกด้วย สามารถเพิ่ม-ลดเสียงของคนที่ต้องการฟัง แชร์หน้าจอขณะอธิบายเนื้อหางานต่าง ๆ เปิดกล้องคุยแบบ Video Call ได้สูงสุด 25 คน แต่ถ้าแค่คุยผ่าน Voice ปกติ ไม่มีการเปิดกล้องแต่ละห้องรองรับคนได้สูงสุดถึง 50 คน เลยทีเดียว และยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ช่วยให้การประชุมงานเกิดความเข้าใจตรงกันง่ายขึ้น เช่น การเลือกปรับตั้งค่าเสียงของผู้รายงานให้ดังมากกว่าคนอื่น เป็นต้น
จากข้อมูลที่ HardcoreCEO มาแชร์ในบทความนี้ก็น่าจะหายสงสัยกันแล้วว่าดิสคอร์ด (Discord) คืออะไร อีกทั้งยังมีฟีเจอร์และลูกเล่นน่าสนใจอยู่พอสมควร ใครยังไม่เคยใช้อยากแนะนำให้ลองได้เลย แถมยังมีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น ช่วยให้การทำงานราบรื่น ทุกคนเข้าใจเนื้อหาตรงกันชัดเจนแน่นอน