ยังสงสัยไหมว่า ดรอปชิปคืออะไรกันแน่? Dropship คือ การขายสินค้าโดยที่ไม่ต้องสต๊อกสินค้าด้วยตัวเอง แต่มีซัพพลายเออร์เป็นคนดำเนินการเรื่องจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้าให้ในนามของคุณ หรืออาจจะในนามของซัพพลายเออร์ แล้วแต่ตกลง โดยซัพพลายเออร์อาจจะเป็นผู้ผลิตสินค้าโดยตรง เป็นผู้จัดส่งสินค้าจากคลังสินค้า หรือเป็นผู้ที่เอาสินค้านั้นเข้ามาขายก็ได้
การทำ Dropship คือ ธุรกิจที่ให้คุณสามารถเริ่มต้นได้ง่ายในหลักพัน ไม่ต้องลงทุนสั่งสินค้ามาเก็บไว้ อาจจะแค่ลงทุนทำการตลาด หรือลงแรงโพสต์สินค้า นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายให้กับลูกค้าอีกด้วย
การ ทำ Dropship เริ่มอย่างไรดี
ตอนนี้ทุกคนคงทราบแล้วนะครับว่า ดรอปชิปคืออะไร ทีนี้เราลองมาดูก่อนว่าการทำงานของ Dropship มีรายละเอียดประมาณไหน ซึ่งหลักเบสิกสำหรับการเริ่มขายของออนไลน์ ในบทความก่อนหน้านี้เราได้เขียนเกี่ยวกับ 9 ขั้นตอน การเริ่มขายของออนไลน์ สามารถนำแนวทางนั้นมาประยุกต์ใช้กับการเริ่มทำดรอปชิปได้
สำหรับใครที่ยังคิดอยู่ว่า ทำธุรกิจอะไรดี อยากลองให้ลองศึกษา Dropship ก่อนนิดนึง จริงๆ การ ขายของ Dropship นั้นง่ายมาก ง่ายกว่าการผลิตสินค้าเอง หรือนำเข้าสินค้าเอง โดยสามารถเริ่มจากการเลือกสินค้าที่คุณต้องการขาย โดยอาจจะดูว่าในตลาดยังมีช่องว่างสำหรับสินค้าตัวไหนที่น่าจะมีโอกาส จากนั้นก็เลือกช่องทางในการขาย เช่น จะขายบน Social Media จะทำเว็บไซต์เอง หรือจะลงบน Marketplace แบบ Shopee / Lazada เป็นต้น แนะนำให้เลือกช่องทางที่คุณคุ้นเคย ถนัด และมีความรู้ในการสร้างฐานลูกค้ามากที่สุด เพราะแต่ละช่องทางมีวิธีการทำการตลาดเพื่อมัดใจลูกค้าแตกต่างกัน
จากนั้นก็เริ่มหาซัพพลายเออร์ อาจจะหาจากร้านค้าในตลาดขายส่งบ้านเราก็ได้ เช่น ประตูน้ำ เป็นต้น หรือสอบถามร้านในห้างก็ได้ ว่าหากจะขอถ่ายรูปไปโพสต์ต่อได้ไหม หากได้เราก็แค่ถ่ายภาพ แล้วนำไปโพสต์บนช่องทางที่เราจะทำ Dropship ตั้งราคาที่เราต้องการ พอมีออเดอร์ ก็โทรไปสั่งให้ทางร้านจัดส่ง
หรืออาจจะหาซัพพลายเออร์จากช่องทางออนไลน์ก็ได้ เช่น Dropship AliExpress
ข้อดีของ การทำ Dropship คือ การที่ไม่ต้องสต็อกสินค้าเอง ถ้าสินค้าตัวไหนขายไม่ได้ คุณก็ไม่ต้องเสียอะไรมาก เพราะไม่ต้องลงทุนซื้อมาสต็อก ดังนั้น หากคุณเป็นมือใหม่ คุณสามารถทดลองตลาดดูก่อนได้เลยว่าสินค้าไหนได้รับการตอบรับดีกว่ากัน หรือสินค้าไหนนที่คุณขายแล้วรู้สึกตัวเองถนัดมากกว่า แล้วค่อยขยายเพิ่มสินค้า หรือ SKU ในหมวดหมู่นั้นๆ สินค้าไหนขายไม่ดีก็ลดๆ ลงไป
ซึ่งหลังจากที่มีลูกค้ามาทำการสั่งซื้อแล้ว ขั้นตอนที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของซัพพลายเออร์ทั้งหมด คุณเพียงโอนเงินไปให้ซัพพลายเออร์ ให้ทางนั้นจัดส่งไปยังที่อยู่ของลูกค้า ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเวลาไปได้มาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำดรอปชิปจึงจะอยู่ในขั้นตอนของการเลือกช่องทางในการขาย และหาซัพพลายเออร์ที่มีสินค้าที่น่าสนใจ และเชื่อถือได้
การเลือกสินค้าสำหรับการเริ่ม ขายของ Dropship
ถึงแม้ว่าจุดเด่นของการทำดรอปชิปคือการเลือกสินค้าได้หลากหลาย แต่การเลือกสินค้าสำหรับการทำ Dropship นั้น คุณควรมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนและเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นด้วย
การเลือกสินค้าที่มีความหลากหลายมากจนเกินไปอาจส่งผลกระทบทางลบต่อธุรกิจคุณ และ ยากต่อการสร้างแบรนด์ธุรกิจของคุณให้เป็นที่รู้จัก เพราะในการทำการตลาด ร้านของเราต้องมีจุดเด่นกว่าร้านอื่นๆ ในตลาด เพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ถ้าหากร้านไหนขายของเยอะจนไม่รู้ว่าเชี่ยวชาญด้านไหน ลูกค้าก็อาจจะไม่เชื่อมั่น เช่น ร้าน A ขายทั้งเสื้อผ้าแฟชั่นด้วย และขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ด้วย มันดูไม่เข้าพวกกันเอาซะเลย
ดังนั้น ก่อนเลือกสินค้า คุณควรเลือกหมวดหมู่ของสินค้าให้ได้ก่อน จากนั้นถ้าจะเลือกลึกลงไปอีกได้ก็จะดีเลย เช่น ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น และเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับวัยทำงาน ชุดทำงานแฟชั่น เป็นต้น ก็จะทำให้ลูกค้าจำร้านเราได้ ว่าครั้งต่อไป ถ้าต้องการชุดทำงานแฟชั่น ต้องมาที่ร้านนี้
นอกจากการเลือกสินค้าแล้ว ก็ต้องเลือกช่องทางขายของออนไลน์ด้วยเช่นกัน เช่น จะขายบน Facebook, Marketplace แบบ Lazada/Shopee หรือจะสร้างเว็บไซต์ ซึ่งหากคุณเริ่มทำ Dropship ด้วยการสร้างเว็บไซต์เอง คุณควรมุ่งเน้นในเรื่องของประสบการณ์ในการซื้อที่ดีแก่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการได้ง่าย ติดต่อธุรกิจของคุณได้ง่าย มีรายละเอียดต่างๆ ที่ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสินค้า ค่าจัดส่ง ระยะเวลาในการจัดส่ง เพื่อความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้คุณควรมีตัวเลือกในการจ่ายเงินที่หลากหลายเพื่อความสะดวกแก่ลูกค้า เช่นโอนเงิน บัตรเครดิต จ่ายเงินปลายทาง หรือ COD โดยต้อง มีหมายเลขติดตามพัสดุให้กับลูกค้า และจัดส่งให้ตรงเวลา (ซึ่งในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของซัพพลายเออร์ ต้องเลือกที่ส่งสินค้าให้ลูกค้าเราตรงเวลา)
ข้อควรระวังในการ ทำ Dropship คือ ..
แม้ว่าการทำดรอปชิปจะมีข้อดีมากมาย แต่ การทำ Dropship ก็มีข้อเสีย และข้อควรระวังอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
- เนื่องจากธุรกิจนี้มีการแข่งขันสูง ใครๆ ก็เข้ามาเริ่มทำได้ง่าย ทำให้คุณอาจไม่สามารถเก็งกำไรได้มากจากสินค้าแต่ละชิ้น
- การเลือกสินค้าที่เยอะเกินจนไม่มีจุดเด่นก็อาจส่งผลเสียได้ แต่การเลือกสินค้าที่น้อย หรือมีข้อจำกัดเยอะเกิน ก็อาจจะทำกำไรได้ไม่มาก เพราะอย่างที่พูดในข้อแรก ว่ากำไรต่อชิ้นไม่ค่อยสูงมาก
- ต้องพอมีพื้นฐานการตลาดในช่องทางที่จำหน่าย เพราะเนื่องจากกำไรสินค้าต่ำ ในช่วงแรกอาจจะไม่มีงบพอสำหรับจ้าง บริษัท Digital Agency
- เนื่องจากซัพพลายเออร์เป็นผู้ส่งสินค้าให้ลูกค้า คุณเองยังไม่มีโอกาสได้เห็นสินค้าชิ้นนั้นด้วยซ้ำ ทำให้การควบคุมคุณภาพเป็นเรื่องยาก จึงต้องหาซัพพลายเออร์ที่ไว้ใจได้
- คุณไม่สามารถสร้างแบรนด์สินค้า หรือแปะโลโก้ที่กล่องสินค้าได้ เนื่องจากเป็นการสั่งชิ้นต่อชิ้น ทางโรงงานคงจะไม่ลงทุนผลิตแบบ OEM หรือ ผลิตในนามแบรนด์ของคุณ เว้นแต่คุณต้องคุยกับโรงงานเอง และสั่งผลิตแบบ OEM ภายใต้แบรนด์ตัวเอง ซึ่งแบบนี้จะไม่ได้เรียกว่า Dropship แล้ว
- สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจควบคู่งานประจำ อาจจะเริ่มต้นด้วยธุรกิจนี้ได้ง่ายเรื่องจากต้นทุนต่ำ แต่ต้องบริหารเวลาให้ดี หากตัวเองจะต้องเป็นคนรับออเดอร์เอง ดีลกับ Supplier เอง
ตัวอย่างการทำ Dropship ที่ได้รับความนิยม
ตัวอย่างการทำ Dropship ที่ได้รับความนิยมคือ Dropship Shopee และ Dropship AliExpress ซึ่งเริ่มจากการสมัครเป็นร้านค้าบน Shopee เพื่อ บริหารการขายสินค้าออนไลน์ จากนั้นก็ค้นหา และติดต่อซัพพลายเออร์ดรอปชิปที่คุณต้องการเช่น Aliexpress เลือกดูสินค้าผ่านเว็บไซต์ของพวกเค้า และอัปเดตข้อมูลสินค้าพร้อมราคาที่บวกกำไรเข้าไปแล้วลงบนบัญชี Shopee ของคุณ หลังจากที่ได้รับออเดอร์ของสินค้าผ่าน Shopee คุณก็ติดต่อซัพพลายเออร์ดรอปชิปเพื่อสั่งออเดอร์ และจ่ายเงินค่าสินค้าและค่าจัดส่งต่อ จากนั้นซัพพลายเออร์ Dropship ก็จะทำการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าของคุณ
จากที่เราได้เล่าให้คุณฟังในบทความนี้ว่า ดรอปชิปคืออะไร และมีขั้นตอนอย่างไร คงจะเริ่มเห็นแล้วว่า ช่องทางการจำหน่าย และซัพพลายเออร์มีบทบาทที่สำคัญมากในธุรกิจประเภทนี้ การเลือกซัพพลายเออร์ที่ไว้วางใจได้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราแนะนำให้คุณเลือกซัพพลายเออร์ที่ร่วมงานด้วยอย่างระมัดระวังด้วยการอ่านรีวิว และนโยบายของบริษัทเพื่อประเมินคุณภาพเสียก่อน หรือจะทดลองเป็นลูกค้าด้วยตัวเองก่อนเพื่อเปรียบเทียบบริการของแต่ละเจ้าก็ได้เพื่อให้แน่ใจได้ว่าคุณมีซัพพลายเออร์ที่จะช่วยบริการขายของออนไลน์ให้สำเร็จร่วมกับร้านค้าของคุณได้