Google และ Facebook ถือเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ใครๆ ก็อยากไปร่วมงานด้วย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่เป็นบริษัทสำหรับคนรุ่นใหม่ สภาพแวดล้อม อาหารฟรี วัฒนธรรมองค์กรทันสมัย รูปแบบธุรกิจ ไปจนถึงเงินเดือน ในรายละเอียดการ ทำงาน Google และการ ทำงาน Facebook อาจมีข้อแตกต่างอยู่บ้าง เนื่องจากแก่นหลักของธุรกิจต่างกัน และมีความเป็นมาที่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม เราอยากนำข้อมูลจาก 2 บริษัทนี้มาเป็น Case Study ให้กับเพื่อนๆ ผู้ประกอบการ และ CEO เพื่อนำไปเป็นไอเดียปรับใช้กับองค์กรของตนเอง
โดยภาพรวมแล้ว พนักงานที่ทำงานที่ Google และ Facebook เขามีความคิดเห็นอย่างไรต่อบริษัทในด้านต่างๆ บทความนี้เราจะพาทุกคนไปเปรียบเทียบหมัดต่อหมัดกัน โดยเราจะอ้างอิงข้อมูลจาก glassdoor เป็นหลัก ซึ่งข้อมูลจะมาจากพนักงานที่ทำงาน Google และ Facebook ทั่วโลก ไม่ได้จำกัดแค่ในประเทศไทย
การเปรียบเทียบ การทำงานที่ Google และการทำงานที่ Facebook จะแบ่งเป็น 3 หัวข้อ ประกอบด้วย เรทติ้งโดยรวมจากพนักงาน เงินเดือน และความคิดเห็นจากพนักงานในองค์กร จะเป็นอย่างไร มาลองดูกันเลย!
1. เรทติ้งโดยรวมจากพนักงาน Google vs Facebook
- Google: 4.4/5 (จากผู้รีวิว 10,652 คน)
- Facebook: 4.5/5 (จากผู้รีวิว 1,713 คน)
จากข้อมูลโดยรวมจะเห็นว่า Facebook ได้คะแนนเรทติ้งสูงกว่า Google เพียงเล็กน้อย ซึ่งยังบอกอะไรมากไม่ได้ เพราะดูจากจำนวนคนรีวิวแล้วต่างกันเกือบๆ 10 เท่า ดังนั้น เรามาลองดูหัวข้อย่อยๆ เพื่อให้เห็นภาพการทำงานกับ 2 บริษัทนี้ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
Google จะได้รับคะแนนสูงกว่า Facebook ในเรื่องของ Work-life balance ในขณะที่เรื่องโอกาสในสายงาน ค่าตอบแทน เงินเดือน ผู้บริหาร รวมถึงวัฒนธรรมองค์กร Facebook จะมีคะแนนนำอยู่เล็กน้อย
การบริการองค์กรของ Google และ Facebook
จากข้อมูลด้านบน เราจะพอเห็นว่าทั้ง Google และ Facebook มีแนวทางในการบริหารองค์กรที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างที่เห็นชัดๆ เลย คือ Facebook มี Founder นั่งตำแหน่ง CEO และบริการทุกอย่างในองค์กร ในขณะที่ Google ได้เชิญ Sundar Pichai เข้ามานั่งในตำแหน่ง CEO บริหารองค์กรแทน Larry Page กับ Sergey Brin สองผู้ก่อตั้ง Google จึงทำให้คะแนน CEO Approval ของ Facebook สูงกว่า Google เล็กน้อย
ซึ่ง Google จะให้ความสำคัญกับการที่เป็นองค์กรที่เน้น Work-life Balance ซึ่งในจุดนี้ก็ช่วยกระตุ้นให้หลายคนอยาก สมัครงาน Google มากขึ้นด้วย ในขณะที่ Facebook ก็มีจุดที่กระตุ้นให้คนอยากมา สมัครงาน Facebook ด้วย โดยเน้นเป็นการเข้าร่วมบริษัทที่อยาก “เปลี่ยนการสื่อสารของคนทั้งโลก” และร่วมการเปลี่ยนแปลงนร่ไปกับ Mark Zuckerberg ถึงจะต้องแลกกับ Word-life Balance ที่มีไม่มาก แต่เงินเดือนเฉลี่ยก็เหมือนจะสูงกว่าอยู่
2. เงินเดือน Google vs เงินเดือน Facebook
Google เป็นองค์กรที่ดำรงอยู่มานานกว่า Facebook หลายปี และได้สร้างชื่อเสียงในการเป็นบริษัทที่มีบรรยากาศในการทำงานที่โดดเด่นเรื่อง Work-life Balance มายาวนาน ในขณะที่ Facebook เป็นบริษัทที่เปิดหลัง Google แต่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นี่อาจจะเป็นเหตุผลให้เงินเดือนที่ Facebook สูงกว่า Google อยู่เล็กน้อย เพื่อเป็นแรงจูงในการดึงคนเก่งๆ เข่ามาร่วมงานในบริษัทใหม่ ที่มีอัตราการเติบโตที่สูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้เอาสวัสดิการณ์มารวมอยู่ในนี้
ซึ่งถ้าดูจาก 3 ตำแหน่งงานที่เปิดรับมากที่สุดใน Google และ Facebook ก็จะมี Sofeware Engineer, Research Scientist และ Program Manager โดยถ้าดูจากค่าเฉลี่ยแล้ว เงินเดือนที่ Facebook จะสูงกว่าเงินเดือนที่ Google อยู่ที่ $16,876
เงินเดือน Google
- Software Engineer: $132,702 ต่อปี
- Research Scientist: $148,050 ต่อปี
- Program Manager: $136,500 ต่อปี
เงินเดือน Facebook
- Software Engineer: $134,451 ต่อปี
- Research Scientist: $155,597 ต่อปี
- Program Manager: $177,834 ต่อปี
3. ความคิดเห็นจากพนักงาน Google และ Facebook
จากความคิดเห็นของพนักงานที่บริษัท Google เห็นว่า จุดเด่นของบริษัทคือ Smart People (795 รีวิว) และ Great People (500 รีวิว) ในขณะที่สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของ Google คือ Big Company และ Large Company ซึ่งถ้าดูรวมๆ แล้ว การทำงานที่ Google นั้นจะได้เจอคนเก่งๆ คนฉลาดเยอะแยะมากมาย แต่ในการที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ หลายๆ อย่างอาจจะไม่ได้คล่องตัวก็เป็นได้ รวมถึงการที่จะเติบโตไปยังตำแหน่งสูงๆ หรือถูก Recognize ในองค์กร ก็อาจจะเป็นปัญหาได้เช่นกัน ซึ่งในความเป็นจริงเราก็ไม่สามารถบอกได้ว่าปัญหาที่เกิดจากการเป็นองค์กรขนาดใหญ่ของ Google นั้นคืออะไรกันแน่ เพราะข้อมูลนี้เกิดขึ้นมาจำนวนรีวิวไม่กี่ร้อยรีวิวเท่านั้น
มาดูกันที่ Facebook พนักงานที่บริษัท Facebook มีความคิดเห็นว่าจุดเด่นของ Facebook คือ Free Food (364 รีวิว) และ Smart People (294 รีวิว) ในขณะที่สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของ Facebook คือ Work-life Balance ซึ่งอาจมองได้ว่าที่ Facebook ก็มีคนเก่ง และฉลาดทำงานอยู่มากมาย แต่ด้วยความที่เป็นบริษัทใหม่ ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็จะมีงานที่มากขึ้น ส่งผลให้ Work-life Balance นั้นต่ำลง แต่ก็แลกกับเงินเดือนเฉลี่ยที่สูงกว่า Google
เพื่อนๆ ผู้ประกอบการ หรือ CEO ที่กำลังจะ ลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว โดยเฉพาะธุรกิจที่เน้นทำงานกับคนรุ่นใหม่ หรือธุรกิจเทคโนโลยี สามารถลองนำ Case Study ไปปรับใช้กับบริษัทของตนเอง เพื่อสร้างองค์กรที่น่าร่วมงานด้วย