Framework การทำงาน คืออะไร เครื่องมือที่คนทำงานควรรู้

Framework การทำงาน คืออะไร เครื่องมือที่คนทำงานควรรู้

อัพเดทความรู้ธุรกิจตรงถึงอีเมล



    อัพเดทผ่าน LINE

    หรือปรึกษาเราเรื่องธุรกิจ

    ติดตาม Facebook

    กด See First ด้วยนะครับ

    ในยุคที่การทำงานมีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นอกจากจะต้องมี Teamwork ที่ดีแล้ว ยังต้องมี Framework หรือ กรอบการทำงาน ซึ่ง Framework คือ ตัวช่วยสำคัญที่จะจัดระบบความคิดของคนทำงานให้มีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นได้ ส่งผลให้การคิด การวางแผน และการตัดสินใจง่ายขึ้น เหมาะสำหรับคนทำงานทุกสายอาชีพ โดยเฉพาะสายธุรกิจและการตลาด

    Framework การทำงาน คืออะไร?

    Framework การทำงาน คือ โครงสร้างหรือกรอบแนวคิดการทำงาน ที่จะช่วยกำหนดแนวทางในการทำงาน ให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน มีการจัดการและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบมากขึ้น  เปรียบเสมือนแผนที่ที่คอยชี้ทางไม่ให้ทีมหลงทิศ 

    Framework คือแนวทางการทำงานที่ไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จตายตัว แต่สามารถปรับใช้ตามสถานการณ์ และบริบทที่แตกต่างกัน เช่น หากทำแผนธุรกิจ เราอาจใช้ Framework อย่าง Business Model Canvas (BMC) เพื่อให้เห็นภาพรวมของธุรกิจ แต่ถ้าต้องแก้ไขปัญหา อาจใช้เป็น Design Thinking เพื่อเข้าใจความต้องการลูกค้า และสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาตอบโจทย์ลูกค้าได้

    ข้อดีของ Framework การทำงาน คือ?

    1. ทำงานเป็นระบบมากขึ้น

    ข้อดีหลัก ๆ ของ Framework การทํางาน คือจะช่วยให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น เปรียบเสมือน “แผนที่นำทาง” ที่ชี้ทางให้ไม่เกิดความสับสน โดย Framework จะกำหนดขั้นตอนและโครงสร้างการคิดอย่างชัดเจน ทำให้คนทำงานรู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน ดำเนินการอย่างไร และสิ้นสุดที่จุดใด 

    2. ลดความผิดพลาดในการทำงาน

    อีกหนึ่งข้อดีของ Framework คือ ช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานได้ เมื่อมีแนวทางที่ชัดเจน การตัดสินใจในแต่ละขั้นตอนก็จะชัดเจนขึ้น มีเป้าหมายมากขึ้น ไม่ใช่การตัดสินใจแบบตามความรู้สึกส่วนตัว ทำให้โอกาสเกิดความผิดพลาดน้อยลง ทั้งยังสามารถตรวจสอบและประเมินผลได้เป็นระยะ ๆ 

    3. เพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ

    การเริ่มงานโดยไม่ต้อง “คิดวิธีทำใหม่ทั้งหมด” ช่วยประหยัดเวลาในการวางแผน เพราะทีมงานทุกคนเข้าใจ Framework ร่วมกัน จึงสามารถสื่อสารและทำงานไปในทิศทางเดียวกันได้เร็วขึ้น ทำให้งานเสร็จไวขึ้น และมีคุณภาพตามมาตรฐาน

    4. ช่วยในการสื่อสารและทำงานร่วมกัน

    หนึ่งในอุปสรรคใหญ่ของการทำงานเป็นทีมคือ “ความเข้าใจไม่ตรงกัน” แต่เมื่อมี Framework ที่เป็นเหมือน “ภาษากลาง” ทีมงานก็จะสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น และเข้าใจตรงกันมากขึ้น ซึ่งจะลดการถกเถียงที่ไม่จำเป็นลงไปได้ ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานได้มากขึ้น 

    5. ยืดหยุ่นและปรับใช้ได้หลากหลาย

    และอีกหนึ่งข้อดีของ Framework การทำงานคือ มีความยืดหยุ่นสูง Framework ไม่ได้เป็นสูตรตายตัว แต่สามารถดัดแปลงให้เข้ากับลักษณะงานและสถานการณ์ได้ เหมาะกับทั้งองค์กรขนาดใหญ่ และทีมงานขนาดเล็ก

    Framework มีอะไรบ้าง

    หากถามว่า Framework มีอะไรบ้าง ต้องบอกว่ามีหลายรูปแบบ ซึ่งจะแบ่งได้ตามจุดประสงค์การใช้งาน ประกอบด้วย

    1. Design Thinking

    เป็น Framework ที่ใช้ในการแก้ปัญหา เหมาะกับนักการตลาด และนักออกแบบ UX/UI โดยจะแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนหลัก ได้แก่

    • Empathize : ทำความเข้าใจผู้ใช้
    • Define : กำหนดปัญหาชัดเจน
    • Ideate : ระดมไอเดีย
    • Prototype : สร้างต้นแบบ
    • Test : ทดสอบและปรับปรุง

    2. Agile Framework

    Agile Framework การทํางาน คือ แนวทางการทำงานที่มีความยืดหยุ่น มักใช้ในงานซอฟต์แวร์หรือโครงการที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ มีเครื่องมือย่อย เช่น Scrum และ Kanban เหมาะกับนักพัฒนา ทีมโปรเจกต์ และธุรกิจที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการทำงาน

    3. OKR (Objectives and Key Results)

    OKR Framework คือ การตั้งเป้าหมายให้กับธุรกิจที่สามารถวัดผลได้ ซึ่งองค์ประกอบหลัก ๆ ของ Framework ประเภทนี้ จะประกอบด้วย Objective คือเป้าหมายหลักที่อยากบรรลุ และ Key Results หรือตัวชี้วัดความสำเร็จที่สามารถวัดผลได้ สามารถใช้ได้ในองค์กรทุกขนาด 

    4. SWOT Analysis

    SWOT Analysis Framework การทำงาน คือ การวิเคราะห์และวางกลยุทธ์ให้กับธุรกิจ โดยจะใช้การประเมิน จุดแข็ง (Strengths) จุดอ่อน (Weaknesses) โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) เหมาะกับผู้บริหาร นักวางกลยุทธ์ และผู้ประกอบการ

    5. Business Model Canvas (BMC)

    Business Model Canvas Framework คือ เครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการและทีมงานเห็นภาพรวมของโมเดลธุรกิจ โดยแบ่งออกเป็นหลายองค์ประกอบ เช่น ลูกค้า, Value Propositions, ช่องทางการขาย (Channels) เป็นต้น เหมาะกับผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ และทีมธุรกิจที่กำลังวางแผนสร้างโมเดลธุรกิจใหม่

    6. PDCA Cycle (Plan–Do–Check–Act)

    PDCA Cycle Framework การทำงาน คือเครื่องมือที่เน้นการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยจะแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ Plan วางแผน, Do ลงมือทำ, Check ตรวจสอบผล และ Act ปรับปรุงและพัฒนา ใช้ได้กับทุกสายงาน
    สรุปแล้ว Framework การทำงาน คือ แนวทางและโครงสร้างความคิด ที่ช่วยให้คนทำงาน นักธุรกิจ และผู้ประกอบการยุคใหม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อสารได้ชัดเจน และสามารถปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

    ชอบเรื่องนี้แค่ไหน ให้หัวใจเราหน่อย

    หัวใจเฉลี่ย / 5. จำนวนโหวด

    แชร์บทความนี้! อาจเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ของคุณ

    ติดตามเราบน Facebook

    เราขอโทษด้วยที่โพสต์นี้ไม่ดีพอสำหรับคุณ

    รบกวนขอ Feedback เพื่อให้เราได้ปรับปรุงนะครับ

    เพื่อประสิทธิภาพในการแสดงผล และการพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ hardcoreceo.co เราจึงใช้คุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลมาพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    Privacy Preferences

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    Allow All
    Manage Consent Preferences
    • คุกกี้ที่จำเป็น
      Always Active

      ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

    • คุ้กกี้เพื่อการวิเคราะห์

      คุ้กกี้เพื่อการวิเคราะห์

    Save