ในปีที่ผ่านมามีน้องๆ ที่ขายของบน Facebook ทั้งทำเป็นอาชีพหลัก และอาชีพเสริม บ่นว่าเจอปัญหากับการโฆษณาบ่อย (บ่อยจนแอบรำคาญ) ก็ได้แต่ยิ้ม แล้วช่วยให้คำปรึกษาไป ซึ่งพอฟังดูแล้วก็เป็นเพราะเค้าไม่อ่านนโยบายสำหรับการโฆษณา และข้อกำหนดการใช้งานให้ดีเสียก่อน ส่งผลให้โฆษณาไม่สามารถใช้งานได้ หนักกว่านั้น เพจโดนปิด หรือระงับการใช้งาน แล้วทีนี้ทำไง..? ขายบน Facebook อย่างเดียว ตั้งแต่ลงสินค้า โฆษณา ตอบแชทลูกค้า ไม่เคยมีช่องทางอื่นเลย.. ตายสิครับ
คุณไม่ได้เป็นเจ้าของ Facebook Page
อ่านไม่ผิดหรอกครับ คุณไม่ได้เป็นเจ้าของ เพราะ Mark Zuckerberg ต่างหากที่เป็นเจ้าของ นั่นหมายความว่า หากเขาจะปิดเพจของคุณ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าเค้า หรือไปวิงวอนให้เค้าเปิดให้ใหม่ หรือหากคุณมาร์คเค้าอยากจะปรับระบบ ลดจำนวนการเข้าถึง คุณก็ไม่สามารถไปทำอะไรได้เช่นกัน แล้วคุณยังจะเรียกว่าเป็นเพจของคุณอีกหรอ?
Asset สำหรับธุรกิจออนไลน์
ธุรกิจจะยิ่งยืนได้ เราต้องสร้างอะไรที่เป็น Asset ของธุรกิจหรือบริษัท ถ้าเป็นธุรกิจดั้งเดิม หรือธุรกิจออฟไลน์ ก็อาจจะหาซื้อที่ หาทำเลดีๆ ซึ่งจะทำให้เจ้าของธุรกิจมั่นใจว่ายังไงเสีย เราก็ยังมีทำเลดี หากเกิดปัญหาอะไร ทำเลนี้ก็ยังเป็นของเรา
แต่ออนไลน์ เราไม่ได้มีทำเล หรือสถานที่ที่จับต้องได้ ทุกอย่างอยู่บนอากาศ เพราะฉนั้น Online Asset ตัวแรกที่ทุกธุรกิจต้องมีคือเว็บไซต์!
เว็บไซต์ = หน้าร้าน , Google = ทำเล
คุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์
หลายคนไม่เห็นค่าของเว็บไซต์เท่าไหร่ แต่มันคือช่องทางเดียว ที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ คุณจะทำอะไรก็ไม่ผิด เพราะมันคือของคุณ อยู่ภายใต้การดูแลของคุณ! (แต่หากเนื้อหาผิดกฏหมายก็ถือว่าผิด และเว็บอาจถูกปิดได้นะ เช่น ดูหมิ่น เสียดสีบุคคลที่สาม ขายสินค้าผิดกฏหมาย ฯลฯ)
ลองนึกดูว่าหากวันหนึ่ง Facebook Page ถูกปิด คุณยังมีเว็บไซต์ คุณยังสามารถยิงโฆษณา Remarketing ให้ลูกค้าที่เคยเข้าเว็บไซต์เห็นโฆษณาของคุณ ธุรกิจก็ยังสามารถดำเนินต่อได้แบบสบายๆ
กระจายช่องทางสื่อสาร เช่น Line@
หลายคนแชทกับลูกค้าด้วย Facebook Messenger เพราะง่ายดี ใช้ช่องทางเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งมันอันตราย! ลองมาใช้ช่องทางสื่อสารอื่นดูบ้าง เช่น Line@ เพราะคุณสามารถเก็บ Contact ลูกค้าไว้ได้ และยังสามารถส่งข้อความกระจายไปยังลูกค้าที่เป็นเพื่อนกับเราบน Line@ เป็นการสร้างการรับรู้ และเป็นอีกช่องทางไว้สื่อสารกับลูกค้าในกรณีที่ Facebook Page ใช้งานไม่ได้
อ่านแล้วดูง่ายๆ ไม่มีอะไร แต่เชื่อเถอะ เกิน 80% ของคนที่อานบทความนี้จบ ก็กลับไปมือเปล่า ไม่ได้เอาไปทำตามหรอก คุณจะเป็นหนึ่งใน 80% หรือ 20% ก็แล้วแต่ใจเลย
Image: Designed by Freepik