ผู้ก่อตั้งหรือเจ้าของธุรกิจ จะชอบสงสัยว่าตัวเองทำงานหนักไป หรือทำงานน้อยไปหรือเปล่า? แล้วคนอื่นที่ทำธุรกิจสำเร็จ เค้าทุ่มเทกันขนาดไหน? รวมถึงใครที่มีฝันว่าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ก็จะชอบมองว่าเป็นอาชีพที่สบาย แต่ การเป็นเจ้าของธุรกิจ จริงๆ แล้วต้องทำงานหนักขนาดไหน มาลองดูกัน!
เมื่อพูดถึงเรื่องการทำงานหนักเพื่อให้ธุรกิจเติบโต ก็มักจะมีความคิดเห็น 2 กลุ่ม บางกลุ่มเห็นว่า การเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือ CEO ไม่จำเป็นต้องทำงานหนัก ควรโยนงานให้คนอื่นทำให้หมด ใช้เวลาไปกับการพักผ่อน รอดูผลประกอบการอย่างเดียว แต่อีกบางกลุ่มเห็นว่าหน้าที่ผู้บริหารนั้นมีงานมากมายให้ทำ จำเป็นต้องทำงานหนัก และใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพัฒนาองค์กร.. แต่ก็น่าแปลกที่ในหลายๆ กรณี การทำงานหนักเกินไป ไม่รู้จักแบ่งงาน กลายเป็นจุดอ่อน และทำให้ธุรกิจไม่โต แต่ไม่ทำงานเลย ธุรกิจก็ยากที่จะเติบโตเหมือนกัน
วันนี้เรามีคำตอบจากเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นงานวิจัยจาก Karen Firestone เค้าได้ทำ Survey กับผู้ประกอบการในอุตสากรรมต่างๆ ว่า ทำงานหนักแค่ไหน? ทุ่มเทให้กับบริษัทขนาดไหน? และมีเวลาส่วนตัวออกไปใช้ชีวิตนอกออฟฟิศเท่าไหร่? .. ซึ่งผลของแบบสอบถามนี้ได้ถูกโพสต์โดย Harvard Business Review
การเป็นเจ้าของธุรกิจ ใช้เวลาแค่ไหนในแต่ละวัน?
Karen ได้สอบถามผู้ก่อตั้งบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพ เทคโนโลยี ห้างค้าปลีกสินค้าหรู ธุรกิจออนไลน์ และที่ปรึกษาด้านการเงิน ทุกธุรกิจเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ผลที่ออกมาคือ แต่ละคนทำงานเฉลี่ยประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน (ทั้งเวลาในที่ทำงาน และเวลาที่มาทำต่อที่บ้าน) ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่า ยิ่งดำเนินธุรกิจไปเรื่อยๆ เวลาในการทำงานก็ไม่ได้ลดลงเลย มีอะไรให้คิด ให้ทำอยู่ตลอด
แต่มีเพียงคนเดียวที่บอกว่างานของเขาเริ่มลดลงเมื่อธุรกิจมีอายุมากขึ้น และเติบโตขึ้น! ซึ่งคนนี้คือคนเดียวที่เคยมีประสบการณ์ทำงานประจำ เป็นลูกจ้างให้องค์กรอื่น เค้าบอกว่าการที่เค้าเคยทำงานประจำทำให้เค้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับการแจกจ่ายงานให้คนอื่น ซึ่งทำให้เค้ามีเวลามากขึ้น
เจ้าของธุรกิจทุ่มเทกับบริษัทขนาดไหน?
Karen ถามต่อว่า “หากเทียบความทุ่มเทในการทำงาน ความหนักหน่วงในเนื้อหางาน เทียบตำแหน่งบริหารที่ต่ำกว่าผู้ก่อตั้ง 1 ตำแหน่ง ใครมีความทุ่มเทมากกว่ากัน?” 84% บอกว่า พวกเขาทำงานหนัก และทุ่มเทให้บริษัทมากที่สุด และมากกว่าทีมบริหารคนอื่นๆ ในขณะที่ 16% บอกว่า ทั้งผู้ก่อตั้งและทีมบริหาร ทุ่มเทให้กับบริษัทเท่าๆ กัน
นอกจากนี้ ผู้ก่อตั้งแต่ละคนได้ให้คะแนนความทุ่มเทในธุรกิจของตนเองเฉลี่ย 9.3/10 ซึ่งพวกเขาบอกว่าสิ่งที่ต้องเสียไปจากการทุ่มเทให้กับธุรกิจ คือเวลาส่วนตัว ทุกคนบอกเหมือนกันหมดว่าการสร้างธุรกิจขึ้นมาก็เหมือนการเลี้ยงลูก อยากให้ธุรกิจเติบโต แข็งแรง และประสบความสำเร็จ ซึ่ส่วนใหญ่คิดเหมือนกันว่า “ไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าเรา ในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้งและปั้นธุรกิจตัวนี้มา”
ได้อะไรจาก Survey นี้?
แน่นอนแหละว่าได้รู้ว่า การเป็นเจ้าของธุรกิจ และเจ้าของธุรกิจคนอื่นๆ เค้าทำงานหนักกันแค่ไหน ยิ่งธุรกิจเติบโต งานก็จะยิ่งหนักขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญคือ คุณต้องรู้จักกระจายงาน แบ่งงานออกไปให้คนอื่นได้ทำบ้าง ลองอ่านเรื่อง คุณได้อะไรจากการประกาศลาออกของ Jack Ma แล้วคุณจะรู้ว่า ธุรกิจจะเติบโตได้ยั่งยืนถ้าเรารู้จักการสร้างคนใหม่ๆ ให้ขึ้นมาบริหารแทน อย่ายึดติด อย่าคิดว่า ไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีที่เรา ถ้าจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่เก่งเหนือชั้น ต้องรู้จักสร้างคนขึ้นมาทำหน้าที่นี้ให้ได้ดีไม่น้อยไปกว่าผู้ก่อตั้ง ส่วนคนไหนที่บอกว่าการเป็นผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องทำงานหนัก พักผ่อนเยอะๆ ออกไปเที่ยว รอดูแต่ผลประกอบการ ถ้าอยากทำแบบนี้ ก็รีบสร้างคนมาบริหาร หรือเป็น CEO แทน แล้วคุณก็ไม่ต้องไปมีส่วนเรื่องการบริหารและกลยุทธ์ ปล่อยให้ CEO ทำงานแทนตัวเองไป ยังไงช่วงแรกๆ มันก็ต้องมีงานหนัก และเหนื่อยอยู่แล้ว
ท้ายบทความนี้ไม่มี #CEOHomework แค่ต้องการแชร์ว่าผู้ประกอบการคนอื่นๆ เค้า ทำงานหนัก กันขนาดไหน หากต้องการการบ้านไปคิดต่อ ใครยังไม่ได้อ่านบทความ “คุณได้อะไรจากการประกาศลาออกของ Jack Ma” ก็ลองไปอ่าน และทำตามการบ้านท้ายบทความนั้นดูครับ
สำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นทำธุรกิจ หรือเริ่มทำธุรกิจไปสักระยะแล้ว อยากให้ลองทำความรู้จักว่า SWOT คืออะไร และ Value Chain คืออะไร เพราะ 2 Framework นี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการรู้จักธุรกิจตัวเองมากขึ้น และสามารถวางกลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน
Image Designed by Freepik