ก่อน “ลาออกจากงาน” ลองถามตัวเอง 9 คำถามนี้แล้วหรือยัง

ก่อน “ลาออกจากงาน” ลองถามตัวเอง 9 คำถามนี้แล้วหรือยัง

อัพเดทความรู้ธุรกิจตรงถึงอีเมล



    อัพเดทผ่าน LINE

    หรือปรึกษาเราเรื่องธุรกิจ

    ติดตาม Facebook

    กด See First ด้วยนะครับ

    การยื่นใบลาออกจากงานที่ทำอยู่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ว่าคุณจะคิดเรื่องนี้มานานหรือเกิดขึ้นหลังจากวันที่แสนเหนื่อยล้า ความรู้สึกอยากเดินออกจากประตูบริษัทอาจเกิดขึ้นได้ง่าย แต่การลาออกคือมากกว่าการสิ้นสุดสัญญาจ้างงาน เพราะมันมีผลต่อเส้นทางอาชีพของคุณ ความมั่นคงทางการเงิน ความสัมพันธ์ในที่ทำงาน รวมไปถึงชีวิตส่วนตัว ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ลองถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการตัดสินใจที่ถี่ถ้วนและรอบคอบแล้ว

    หลักการของบทความนี้อยู่บนแนวคิดที่ว่า ฉันทำงานเพื่อเงิน มิใช่ทำงานเพื่อ โล่ห์ เกียรติยศ แต่ถ้าได้ทั้งสองอย่าง นั่นคือ งานในความฝัน และหลักการที่สองคือ คุณเสียอะไรบ้างในการลาออก และ สิ่งที่คุณจะได้จากการลาออก คืออะไร ความคุ้มค่า อยู่ที่ไหน ถ้าไม่คุ้มค่า ไม่ทำ

    ทีนี้มาลองดูกันว่าคำถามอะไรบ้างที่คุณจะต้องคิดใคร่ครวญให้ดีก่อนกดปุ่มลาออก

    “ลาออก” คำสั้นๆ ที่ก่อนใช้ ต้องคิดยาวๆ

    1. ทำไมฉันถึงอยากลาออก?

    เริ่มจากการระบุเหตุผลให้ชัดเจน ปัญหาอยู่ที่งานหรือเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัว? เป็นเพราะผู้บริหาร ? การขาดโอกาสก้าวหน้า วัฒนธรรมองค์กรไม่เหมาะกับตนเอง เรื่องเงินเดือน หรือชีวิตส่วนตัว? บางครั้งความเครียดจากชีวิตส่วนตัวทำให้เรารู้สึกไม่พอใจกับงาน ลองถามตัวเองว่าการเปลี่ยนงานจะแก้ปัญหาจริงหรือ มันอาจเป็นเรื่องในชีวิตที่ต้องปรับมากกว่าเรื่องการทำงาน

    การรู้สาเหตุที่แท้จริงจะช่วยให้คุณพิจารณาได้ว่า “ลาออก” คือคำตอบเดียวจริงหรือไม่ หรือปัญหาบางอย่างสามารถแก้ไขได้จากการพูดคุยภายในองค์กร หากเหตุผลมาจากอารมณ์ชั่ววูบ อาจรอให้ใจเย็นลงก่อนตัดสินใจ ถ้าคุณหาเหตุผลที่แท้จริงไม่ได้ นั่นแสดงว่าคุณกำลังใช้อารมณ์ ชั่ววูบ ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง

    2. ความคาดหวังของฉันสมเหตุสมผลหรือไม่?

    บางครั้งเราไม่พอใจกับงานเพราะความคาดหวังในเรื่องผลประโยชน์ตอบแทนของเราเกินจริง ลองตั้งคำถามว่าความคาดหวังนั้นเหมาะสมกับตำแหน่ง อุตสาหกรรม หรือช่วงอายุงานของคุณหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ตำแหน่งวิศวกร ค่าตอบแทนจะแตกต่างไปตามราคาตลาด ซึ่งขึ้นอยู่กับ ชนิดของอุสาหกรรม ความต้องการของบริษัท ความสามารถพิเศษ หรือประสบการณ์

    หากคุณตั้งความหวังสูงเกินไปจนไม่มีองค์กรไหนตอบได้ ลาออกอาจไม่ได้แก้ปัญหา ที่กล่าวมาเป็นเฉพาะเรื่องค่าตอบแทนเท่านั้น บางครั้ง เราอาจจะฝันเฟื่องไปกับความคาดหวังแบบตะวันตก อย่าง Work Life Balance หรือ คาดว่า บริษัท หรือ มาทำงานแล้วต้องมีความสุข เรื่องที่ว่ามา มันดี และ บริษัท หลายแห่งพยายาม ให้ องค์กร ตัวเองเป็นเช่นนั้น ในระหว่างที่การปรับปรุงดำเนินไป เราจำเป็นต้องปรับความคาดหวัง ว่า ค่าตอบแทน และสภาพการจ้าง เป็นขั้นต่ำที่ต้องได้รับ ถ้าองค์กรให้เรามากกว่านั้นก็ดี

    อย่างไรก็ตาม เรายังคงมองหาองค์กรที่ดีกว่า ต่อไป บางคนบอกว่า ทำงานในองค์กรปัจจุบันแล้วไม่มีความสุข ข้อควรพิจารณาอย่างถ่องแท้คือ ถ้าองค์กรพยายามทำให้พนักงานทุกคนมีความสุข นั่นอาจเป็นวันที่คนทำงาน ต้องจ่ายเงินซื้อตั๋วเข้าทำงาน เหมือน จ่ายเงินเข้าไปเที่ยวสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ที่เขียนมาทั้งหมดคือ เราคนทำงาน ต้องปรับความคาดหวังของเราตามความเป็นจริงแต่ขณะเดียวกันก็อย่าพอใจอะไรง่ายๆ จงมองหา โอกาสต่อไป อย่าวู่วาม เป็นเด็ดขาด

    3. ฉันได้พยายามปรับปรุงสถานการณ์ปัจจุบันแล้วหรือยัง?

    ก่อนจะเดินออกไป ถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับองค์กร ลองถามตัวเองว่ามันเกี่ยวกับเราหรือเปล่า บางครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นในองค์กรนั้น มันนอกเหนือการควบคุมของคุณหรือฝ่ายบริหาร เช่น การเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงาน หรือ สภาพทางเศรษฐกิจ อย่าปิ้งปลาประชดแมว ถ้ามันเกี่ยวของกับคุณโดยตรง คุณเคยพูดคุยกับหัวหน้างานหรือฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือยัง เคยขอโอกาสทำงานใหม่ๆ หรือขอพิจารณาความก้าวหน้าในตำแหน่งหรือไม่? เคยขอโอกาสการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาการทำงานของเราหรือไม่

    หลายครั้งการพูดคุยอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เช่น การโยกย้ายแผนก การจัดบทบาทใหม่ หรือการฝึกอบรมเพิ่มเติม หากยังไม่เคยลอง อาจเร็วเกินไปที่จะลาออก ในกรณีที่เป็นปัญหาส่วนตัว คุณควรพิจารณา หาทางเลือกอย่างเหมาะสม เช่น ไม่มีคนดูแลบุพการี ที่ต่างจังหวัด จำเป็นต้องลาออก คุณอาจมองหาทางเลือกเช่น จ้างใครสักคนมาดูแล ถ้าคุณมีปัญหาการเดินทาง อาจต้องมองหาทางเลือกที่ใกล้ที่ทำงาน ทั้งหลายทั้งมวลนี้ ผู้เขียนเพียงแต่บอกว่า อย่าตั้งธงเอาเรื่องลาออก เป็นทางออกแรกหรือ ทางออกเดียวของคุณ จงพิจารณา หาทางเลือกที่เหมาะสม

    4. ฉันมีความพร้อมทางการเงินสำหรับช่วงเปลี่ยนผ่านหรือไม่?

    เรื่องการเงินเป็นปัจจัยสำคัญมาก เงินเดือนของคุณหมายถึง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่ามือถือ อินเตอร์เน็ต ค่าดูแลบุพการี และคนที่รัก คุณมีเงินสำรองพอสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ในกรณีหางานใหม่ได้นานกว่าที่คาดหรือไม่?

    ลองทำงบประมาณคร่าวๆ ว่าคุณอยู่ได้กี่เดือนโดยไม่มีรายได้ และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงเพื่อเตรียมพร้อมให้ดีที่สุด โดยทั่วไป คุณควรมีเงิน สำรองในกรณี ที่ต้องรองานใหม่ เป็นเวลา 6-12 เดือน ของค่าใช้จ่ายรายเดือนของคุณ ถ้า คุณไม่มี แผนสำรองทางการเงิน เลย ขอแนะนำ ให้ หยุดความคิดเรื่องการลาออกไว้จนกว่าจะมีแผนการเงินที่แน่นอน นี่คือปัจจัยระดับสำคัญยิ่งยวด

    5. ลาออกไปแล้ว จะไปที่ไหน ทำอะไร ฉันมีแผนที่ชัดเจนหรือไม่?

    หลายคนลาออกโดยที่ยังไม่มีงานใหม่ หากจะทำแบบนั้นต้องมีแผนที่ชัดเจน ถามตัวเองว่า “พรุ่งนี้ฉันจะทำอะไร” คุณมีรายชื่อบริษัทที่ต้องสมัคร หรือเข้าไปค้นดูงานตามเวปไซต์ ต่างๆ เช่น https://www.engineerjob.co/jobs/ หรือมีโปรเจกต์ส่วนตัวที่เริ่มต้นไว้หรือไม่? ยิ่งแผนชัด ความเสี่ยงก็ยิ่งน้อย อย่าลาออกด้วยความคิดว่า “ไปตายเอาดาบหน้า” เพราะ นั่น คุณเดินเข้าสู่หายนะจริงๆ

    ที่อันตรายอย่างยิ่งคือ การที่เราเคลิ้มไปกับวลีสวยหรู ของบรรดา ไลฟ์โค้ช เช่น ออกไปทำสิ่งที่รัก ผมมี Passion อยากทำแบบนั้นแบบนี้ สิ่งนั้น บลา บลา บลา มันดีแน่ ถ้าได้งานที่ชอบตรงใจพร้อมๆ กับเงิน เพราะ งานคือเงิน แต่ถ้าไม่ได้ ลองถามตัวเองดูว่า ถ้าใช้เงินเก็บทำสิ่งที่รักไปสามสี่เดือน หรือ ใช้เงินพ่อแม่ไปตามหาแพสชั่น แต่ ไม่สามารถสร้างเป็นเงิน ได้ คุณท้องหิว ตอนนั้น คุณจะลืมเรื่อง แพสชั่น ของคุณไปเลย ถ้าคุณตอบคำถามนี้ไม่ได้ ชะลอการลาออกไว้ก่อน

    6. มีอะไรที่ฉันอาจสูญเสียจากการลาออกบ้าง?

    ขณะกำลังคิดถึงสิ่งที่จะได้รับจากการลาออก อย่าลืมคิดถึงสิ่งที่อาจเสียไป เช่น สวัสดิการ ประกันสุขภาพ เงินสะสม หรือโอกาสพัฒนาวิชาชีพ รวมถึงความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานหรือความสบายใจจากระบบที่คุ้นเคย สิ่งเหล่านี้อาจดูเล็กน้อยจนกว่าจะไม่อยู่ สิ่งเหล่านี้ มันจะอยู่ใน เรื่องความเสี่ยง หรือ ราคา ทีคุณต้อง ยอมรับ ก่อน ลาออก

    7. การตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลต่อเส้นทางอาชีพระยะยาวของฉันอย่างไร?

    ลองมองภาพระยะยาว คุณอยากอยู่ตรงไหนอีก 5–10 ปีข้างหน้า? การลาออกตอนนี้พาคุณเข้าใกล้เป้าหมายนั้นหรือพาคุณออกห่าง? อย่าปล่อยให้ความรู้สึกชั่วคราวทำให้คุณเสียโอกาสระยะยาว ในกรณีที่คุณถูกชักชวนให้ ลาออก ไปสู่ตำแหน่งใหม่ จงจำไว้อย่างหนึ่งว่า ปรกติสนามหญ้าข้างบ้านเขียวกว่าเสมอ ผู้ชักชวนพยายามโน้มน้าวคุณ ให้กระโดด ไป คุณจงพิจารณาอย่างถ่องแท้ ว่า งานใหม่ที่ว่านั้น มัน มี แนวโน้มที่จะทำให้ อาชีพคุณก้าวหน้า ต่อไปอย่างไร อย่ามัวมองแต่เงินเดือนที่เพิ่มให้ ให้ดูความเสี่ยงในอาชีพในระยะกลาง 3-5 ปีไว้ด้วย

    8. ฉันประเมินสภาพตลาดแรงงานอย่างเป็นจริงแล้วหรือยัง?

    หลายครั้งเราคิดว่ามีโอกาสที่ดีกว่ารออยู่ข้างนอก แต่ตลาดแรงงานจริงๆ เป็นอย่างไร? มีตำแหน่งที่ตรงกับทักษะของคุณมากน้อยแค่ไหน? เงินเดือนและสวัสดิการในปัจจุบันเทียบกับตลาดดีหรือไม่? ควรหาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจยื่นใบลาออก

    ในกรณีที่คุณถูกชักชวนจากบริษัทจัดหางาน จงจำไว้อย่างหนึ่งว่า พวกเขา ได้ประโยชน์ จากการที่ สามารถชักชวนคุณกระโดด ไปสู้ตำแหน่งของลูกค้า คุณควรขอข้อมูลอย่างละเอียด เจรจาต่อรองเงื่อนไข การทำงาน สภาพการจ้าง ทิศทางการเจริญเติบโตในอาชีพของคุณในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า พิจารณา ถึง ความเสี่ยง และ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้ (Risk vs. Reward) ก่อนที่คุณจะลาออก เพราะตอนนี้เป็น จุดที่คุณมีอำนาจต่อรองสูงสุด เพราะทันทีที่คุณลาออก หรือ เซนต์ชื่อ รับงานใหม่ อำนาจต่อรองของคุณแทบไม่มีเลย

    บ่อยครั้ง ที่ในหัวของเรา อื้ออึงไปด้วย ผลประโยชน์ ที่จะได้จากงานใหม่ จนลืมความเสี่ยง จากการเปลี่ยนงานใหม่ เช่น ไม่มีแผน ความก้าวหน้าทีชัดเจน งานและความคาดหวังที่จะให้เราทำ ชัดเจนหรือไม่ ผลกระทบของการย้ายที่ทำงานที่มีต่อตัวเราเองหรือครอบครัว เป็นต้น

    9. ฉันจะออกจากงานด้วยภาพลักษณ์ที่ดีหรือไม่?

    แม้จะตัดสินใจลาออกอย่างแน่นอน วิธีที่คุณออกจากงานก็สำคัญ อย่าลืมรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและทำงานที่เหลือให้ดีที่สุด สิ่งที่โลกตะวันตกมักพูดเป็นการเตือนคือ อย่าเผาสะพานแห่งมิตรภาพ (Don’t burn the bridge)

    การจากไปอย่างมืออาชีพจะช่วยสร้างความประทับใจและเก็บเครือข่ายที่ดีไว้ใช้ในอนาคต ขณะเดียวกัน บริษัท อาจเชิญ คุณสัมภาษณ์ ก่อนออกจากงาน (Exit interview) เพื่ออยากเรียนรู้ว่าทำไมคุณ ลาออก นัยว่า เพื่อ ปรับปรุง สภาพการจ้าง แต่เรื่องที่บริษัทสนใจที่สุดคือ คือ บริษัทหรือหน่วยงาน ต้องการทราบว่า มีการละเมิดนโยบายที่สำคัญๆ ของบริษัท อันเป็นสาเหตุที่พนักงานลาออก เช่น การคุกคามทางเพศ โดยผู้บังคับบัญชา การ เหยียดหรือ กีดกัน เพศสภาพ หรือ เชื้อชาติ หรือศาสนา

    คำแนะนำของผู้เขียนคือ ถ้าไม่ใช่ เรื่องการละเมิดนโยบายของบริษัท อย่าใช้ ที่นี่เป็นเวทีในการระบายความคับแค้นใจ จงสุภาพ สร้างบรรยากาศ เป็นมิตร ทุกคนอยากเห็น การจบแบบ แฮปปี้ เอนดิ้ง สุภาษิตไทยที่ยังคงใช้ได้ คือ น้ำใส ไว้ข้างนอก น้ำขุ่นเก็บไว้ข้างใน อย่าดับเครื่องชน เป็นอันขาด พูดกันตามตรง ถ้าบริษัทเขาอยากเปลี่ยนแปลง จริง เขาไม่ต้องรอความเห็นของผู้กำลังจะจากไปหรอกครับ

    การลาออกจากงานอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสใหม่ในชีวิต และ มีหลายคนประสบความสำเร็จมาแล้ว แต่อย่าปล่อยให้ความรู้สึกชั่ววูบกำหนดเส้นทางของคุณ การใช้เวลาไตร่ตรองและถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้คุณมั่นใจว่า “นี่คือเวลาที่เหมาะสม” พิจารณาถึง ความเสี่ยงและรางวัลที่คุณคาดว่าจะได้ วางแผน การลาออก และเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ คุณจะก้าวออกไปด้วยความพร้อม ความมั่นใจ และความชัดเจนในเส้นทางอาชีพของตนเอง

    ชอบเรื่องนี้แค่ไหน ให้หัวใจเราหน่อย

    หัวใจเฉลี่ย / 5. จำนวนโหวด

    แชร์บทความนี้! อาจเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ของคุณ

    ติดตามเราบน Facebook

    เราขอโทษด้วยที่โพสต์นี้ไม่ดีพอสำหรับคุณ

    รบกวนขอ Feedback เพื่อให้เราได้ปรับปรุงนะครับ

    เพื่อประสิทธิภาพในการแสดงผล และการพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ hardcoreceo.co เราจึงใช้คุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลมาพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    Privacy Preferences

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    Allow All
    Manage Consent Preferences
    • คุกกี้ที่จำเป็น
      Always Active

      ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

    • คุ้กกี้เพื่อการวิเคราะห์

      คุ้กกี้เพื่อการวิเคราะห์

    Save