แม้ว่าค่า GDP ของจีนในไตรมาสที่สามจะเติบโตดีกว่าที่คาดการณ์ โดยเติบโตมากถึง 3.9% จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.4% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็ยังมีความกังวลในตลาดจีนอยู่มากจนทำให้เกิดการเทขายหุ้นจีนในตลาดสหรัฐ สูญเสียมูลค่าไปกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์
หลังจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ครองตำแหน่งผู้นำต่อเป็นสมัยที่ 3 พร้อมกับการประกาศคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Politburo Standing Committee) หรือโปลิตบูโรจำนวน 7 ท่านที่ไร้ตัวเต็งอย่างนายกรัฐมนตรี หลี่เค่อเฉียง ที่คอยถ่วงดุลขั้วอำนาจอยู่ ดูเหมือนสถานการณ์ในจีนต่อไปนี้จะยิ่งเอื้อประโยชน์ให้กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงมากขึ้น
โดยในการประชุม สิ จิ้นผิง ได้กล่าวมาประโยคหนึ่งว่า “regulating the mechanism of wealth accumulation” ซึ่งสะท้อนถึงเป้าหมายในการควบคุมกลุ่มคนรวยในจีน
นอกจากนั้น ยังมีดราม่าการที่นายหูจินเทา อดีตประธานาธิบดีถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวออกจากที่ประชุมดังกล่าว ก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งเป็นปัจจัยส่งผลให้ตลาดจีนเสียความเชื่อมั่นในสายตาของนักลงทุน เพราะมีความกังวลว่าจะเกิดการรวบอำนาจครั้งใหญ่ขึ้นภายในประเทศอีกด้วย
ผละกระทบในฮ่องกง
ไม่ใช่แค่หุ้นของบริษัทจีนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ทางฮ่องกงก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน ดัชนีดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงร่วงกว่า 6% และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของดัชนีฮั่งเส็งก็ร่วงถึง 8.2% ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากอัปเดตล่าสุด ก็มีข่าวลือว่าทางรัฐบาลจีนมีคำสั่งให้ธนาคารกลางกว้านซื้อหุ้นเพื่อประคองให้ราคาไม่ตกต่ำเกินไปนัก การเดินหมากตานี้ของจีนจะเป็นอย่างไร ก็ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป