เทคโนโลยี AI กับโลกธุรกิจ มีอะไรที่ควรต้องนำไปปรับใช้

เทคโนโลยี AI กับโลกธุรกิจ มีอะไรที่ควรต้องนำไปปรับใช้

อัพเดทความรู้ธุรกิจตรงถึงอีเมล



    อัพเดทผ่าน LINE

    หรือปรึกษาเราเรื่องธุรกิจ

    ติดตาม Facebook

    กด See First ด้วยนะครับ

    เทคโนโลยี AI กับโลกธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป หลายธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ได้เริ่มนำระบบ AI เข้าไปปรับใช้ในการดำเนินการด้านต่างๆ ในขณะที่ธุรกิจ SME ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึงระบบ AI ได้เต็มที่ แต่ก็มีหลายโปรแกรมที่เป็นแพลตฟอร์มลักษณะ Ready-to-use ที่เข้ามาสนับสนุนทำให้การใช้ระบบ AI ในธุรกิจเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

    บทความนี้เราจะมาสรุปกันว่าในภาคธุรกิจสามารถนำ AI ไปใช้งานในด้านไหนบ้าง ที่ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใหญ่หรือ SME ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้

    การใช้งาน AI ในภาคธุรกิจ

    1. ด้านการตลาดออนไลน์

    ก่อนหน้านี้ไม่นานเราาจะเน้นเรื่องการทำ Data-driven Marketing แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่ Data-driven แล้ว แต่ต้องรู้จักการใช้ AI มาเรียนรู้ Data ที่เก็บได้ด้วย

    ในระบบโฆษณาออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Ads หรือ Facebook Ads แต่ละแพลตฟอร์มก็จะนำ​​ AI เข้ามาช่วยในการยิงโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ใช่ว่าเราจะสามารถเซตอัพแล้วปล่อยให้มันทำงานได้เลยทันที เนื่องจาก AI ด้านโฆษณาจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลให้ได้จำนวนหนึ่งเพื่อความแม่นยำ ดังนั้นในฐานะผู้ใช้งาน จำเป็นที่จะต้องป้อนข้อมูลที่แม่นยำให้ AI ได้ทำการเรียนรู้

    การใช้ AI หรือ Machine Learning ในระบบโฆษณา จำเป็นต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือรายเดือนในการให้ระบบได้เก็บข้อมูลและสถิติมาทำความเข้าใจเพื่อให้ทราบถึงพฤติกรรมของผู้ใช้และนำโฆษณาไปเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเราเก็บข้อมูลในช่วงสั้นๆ ระบบ AI ก็จะเกิดการเรียนรู้ที่ไม่ค่อยแม่นยำสักเท่าไหร่

    การใช้ AI มาช่วยเก็บข้อมูลช่วยส่งเสริมการตลาดแบบ Personalization และการทำ Retargeting โดยทางเว็บไซต์จะต้องคอยเก็บข้อมูลผู้ใช้ที่เข้ามาใช้งานผ่าน Cookie หรือข้อมูล Lead ต่างๆ ให้ได้จำนวนหนึ่งอย่างน้อยๆ ไม่ต่ำกว่า 2,000 เพื่อความแม่นยำของข้อมูล ซึ่งบางเว็บไซต์อาจจะมีจำนวนผู้ใช้งานไม่ค่อยเยอะเพียงพอ แนะนำให้เพิ่ม Traffic การทำ SEO หรือ Google Ads ช่วยให้ได้ข้อมูลผู้ใช้ที่มีคุณภาพ สามารถนำไปต่อยอดในช่องทางอื่นเช่น Social Media ได้

    2. ด้านคลังสินค้า การจัดเก็บสินค้า

    ทุกธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องมีระบบจัดเก็บครั้งสินค้าที่มีคุณภาพสูง เช่น จะต้องทำการวิเคราะห์ได้ว่าสินค้ากลุ่มไหนยังคงเหลือค้างอยู่เยอะ กลุ่มไหนที่ใกล้หมดอายุและจำเป็นต้องปล่อยออกไปก่อน กลุ่มไหนขายดีและจำเป็นต้องผลิตเข้าไปเพิ่ม วิเคราะห์ผิดพลาดจะส่งผลให้เกิดความเสียหายค่อนข้างหนัก เช่นหากสินค้าหมดอายุก็แทบจะต้องทิ้งทั้งล็อตเลยไม่สามารถขายต่อได้

    การนำระบบ AI ใช้ในธุรกิจคลังสินค้าก็จะสามารถช่วยวิเคราะห์ได้ว่าช่วงนี้ควรจะต้องจัดโปรโมชั่นปล่อยสินค้ากลุ่มไหนเพื่อเคลียร์สต็อก และช่วงนี้ควรจะต้องเพิ่มกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มไหนที่ขายดีเป็นพิเศษ หากเทียบการใช้คนวิเคราะห์แบบสมัยก่อน กับการใช้ระบบ AI เข้ามาช่วย .. เรียกว่า AI สามารถประเมินได้แบบ Real Time กว่าเยอะ

    ซึ่งตรงนี้สามารถจัดเก็บข้อมูลเป็นรายปีก็ได้เพื่อให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเทศกาล อย่างเช่นช่วงสงกรานต์สินค้าตัวไหนขายดี ช่วงปีใหม่สินค้าตัวไหนขายดี บางครั้งทางแบรนด์อาจจะบริหารจัดการสินค้าที่ยังคงเหลืออยู่เพื่อไปรีบปล่อยให้หมดในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วยการจัดโปรโมชั่นลดราคาก็ได้เช่นกัน

    3. ธุรกิจ E-commerce

    การใช้ AI ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จะคล้ายๆ กับการใช้ในด้านคลังสินค้า แต่เป็นการวิเคราะห์การซื้อขายผ่านหน้าเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแทน

    ในส่วนนี้ AI สามารถทำการเรียนรู้ได้ว่าสินค้ากลุ่มไหนขายดี สินค้ากลุ่มไหนควรจัดโปรโมชั่นลดราคา และนำมาขึ้นแสดงผลบนตำแหน่งต่างๆ ของเว็บไซต์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขายเพิ่มขึ้น

    นอกจากนี้การวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อก็สำคัญเช่นกันอย่างเช่นลูกค้านิยมซื้อสินค้า A คู่กับสินค้า B หากทางร้านทราบข้อมูลในส่วนนี้ก็สามารถจัดโปรโมชั่นเพื่อจูงใจให้เกิดการซื้อมากขึ้นได้เช่นกัน

    อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI ใน E-commerce ได้ที่ การใช้ AI ในธุรกิจ E-commerce

    4. Facial Recognition ในธุรกิจค้าปลีก

    ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายเสื้อผ้าตามห้าง รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ สามารถนำระบบ Facial Recognition เพื่อ วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าที่เข้ามาเดินเลือกซื้อสินค้าในร้านได้ อย่างเช่นร้านขายเสื้อผ้า พบว่าลูกค้าเดินไปดูสินค้าที่ Section A มากกว่า Section B หน้าร้านก็สามารถนำข้อมูลนี้ไปปรับผังการแสดงสินค้าในร้านใหม่ได้ อย่างเช่นเอาสินค้าลดราคาไปวางอยู่ที่ Section B เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเดินไปที่ Section นี้มากขึ้น

    หรืออีกตัวอย่างคือซุปเปอร์มาร์เก็ตพบว่าลูกค้ายืนเลือกซื้อนมค่อนข้างนาน และสุดท้ายก็เดินผ่านไปโดยไม่ได้หยิบนมลงรถเข็น ซึ่งอันนี้อาจจะเกิดความผิดพลาดที่การวางสินค้านั้นดูยาก หรือทางร้านอาจจะยังไม่มีแบรนด์สินค้าที่ลูกค้ากำลังมองหา เมื่อทราบข้อมูลนี้ก็สามารถนำไปปรับการจัดวางสินค้าในหมวดเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

    ธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ นอกจากการเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว ยังมีอีกหลายเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้กับหน้าร้านได้ด้วยเช่นกัน ถือว่าต้องตามให้ทันทั้งการพัฒนา Online และ Onsite

    5. การช่วยเหลือลูกค้าบนช่องทางออนไลน์ และ CRM

    ระบบ CRM แบบเก่าส่วนใหญ่จะเป็นการเน้นจัดเก็บข้อมูลลูกค้า นำมาจัดเรียงเป็นข้อมูลเพื่อให้ทราบว่าลูกค้าคนไหนมีโอกาสในการขายเพิ่มได้ ลูกค้าคนไหนต้องกระตุ้นเพิ่ม หรือลูกค้าคนไหนอาจจะยังต้องใช้เวลาตัดสินใจ จะให้ฝ่ายขายนำไปวิเคราะห์และประเมินกลยุทธ์ในการรักษาฐานลูกค้า

    แต่ระบบ CRM ในยุคนี้ส่วนใหญ่จะเพิ่ม Action หลังจากการวิเคราะห์เข้าไปด้วย เมื่อระบบทราบว่าลูกค้ากลุ่มนี้ยังใช้เวลาตัดสินใจ ระบบก็จะส่งข้อมูล A เพื่อไปกระตุ้นลูกค้า หรือหากระบบทราบว่าลูกค้าคนนี้ยังไม่สนใจซื้อ ระบบก็อาจจะส่งข้อมูล B ไปหาเรื่อยๆ ทีละหกเดือนเพื่อให้ลูกค้าไม่ลืม

    จากนี้ระบบ CRM ที่นำ AI มาใช้ จะรวมเรื่อง Chat Bot และเรื่องการช่วยเหลือลูกค้าผ่านระบบ FAQ เข้าไปด้วย เช่นหากลูกค้าเจอปัญหาอะไรก็สามารถคุยกับ Chat Bot จะให้ ​AI ต้องไปหาคำตอบในฐานข้อมูลและนำมาตอบลูกค้าได้ ระบบนี้จะช่วยลดเวลาในการทำงานของพนักงานและช่วยให้ลูกค้าได้คำตอบที่เร็วยิ่งขึ้น

    6. ใช้งาน AI ผ่าน Prompt อย่าง ChatGPT

    การใช้ ChatGPT ในภาคธุรกิจจะทำงานโดยการที่เราสามารถป้อนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของเราเข้าไปเพื่อให้ระบบได้ทำการเรียนรู้ สามารถนำโครงสร้างพื้นฐานของ ChatGPT ที่พัฒนาโดย OpenAI พัฒนาต่อยอดในอุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งการทำงานของมันจะเป็นการใส่ Prompt หรือคำสั่งเข้าไป เพื่อให้ระบบตอบคำถามกลับมาอ้างอิงจากฐานข้อมูลที่ใส่เข้าไปให้มันเรียนรู้

    การใช้งานแบบนี้อาจมีความซับซ้อนและต้องพัฒนาขึ้นมาสำหรับแต่ละธุรกิจ เหมาะกับการใช้งานในองค์กรและสามารถเปิดให้ลูกค้าใช้ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลสร้างระบบนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนไข้เข้ามาถามคำถามและได้คำตอบเบื้องต้นกลับไปโดยยังไม่ต้องมาพบแพทย์ ข้อควรระวังคือความแม่นยำของระบบ เพราะในบางธุรกิจอย่างเช่นโรงพยาบาล คำตอบที่ผิดอาจส่งผลต่อสุขภาพหรือชีวิตของคนได้ ดังนั้นจึงต้องมีความระมัดระวังในการใช้งานมากพอสมควร

    ชอบเรื่องนี้แค่ไหน ให้หัวใจเราหน่อย

    หัวใจเฉลี่ย / 5. จำนวนโหวด

    แชร์บทความนี้! อาจเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ของคุณ

    ติดตามเราบน Facebook

    เราขอโทษด้วยที่โพสต์นี้ไม่ดีพอสำหรับคุณ

    รบกวนขอ Feedback เพื่อให้เราได้ปรับปรุงนะครับ

    เพื่อประสิทธิภาพในการแสดงผล และการพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ hardcoreceo.co เราจึงใช้คุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลมาพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    Privacy Preferences

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    Allow All
    Manage Consent Preferences
    • คุกกี้ที่จำเป็น
      Always Active

      ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

    • คุ้กกี้เพื่อการวิเคราะห์

      คุ้กกี้เพื่อการวิเคราะห์

    Save