ยอดขายคือสิ่งที่ทำให้ทุก ๆ ธุรกิจสามารถเติบโตไปได้ และในปัจจุบันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายอดขายของหลาย ๆ ธุรกิจนั้นขึ้นอยู่การทำการตลาดบนโลกออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ และนั่นทำให้ การทำ SEO ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงลูกค้าบนโลกออนไลน์ได้มากขึ้น สานสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาวได้มากขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางหลักที่จะช่วยเพิ่ม Organic Traffic แบบไม่ต้องเสียค่าโฆษณา
ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับวิธีทำ SEO ให้มากขึ้น และมาดูกันว่ามีตัวอย่างการทำ SEO อะไรที่น่าสนใจและสามารถเพิ่มยอดขายให้กับคุณได้อย่างไรบ้าง
ก่อนเริ่ม.. ปัจจัยที่ Google ใช้ในการพิจารณาเรื่องอันดับนั้นมีเป็นร้อย (อ้างอิงจากบริษัทรับทำ SEO) ในบทความนี้เราจะมาแชร์เฉพาะข้อที่สำคัญที่คนวางแผนจะทำ SEO พลาดไม่ได้เลยจริงๆ
การทำ SEO คืออะไร
การทำ SEO ช่วยให้เว็บไซต์ไปขึ้นแสดงบนหน้า Google เวลาที่มีการค้นหาด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ โดยเป็นการแสดงผลแบบ Organic หมายถึงไม่ต้องเสียค่าโฆษณาให้ Google เหมือนการทำ Google Ads ซึ่งผู้ใช้ที่เข้ามายังเว็บไซต์จาก SEO ก็เรียกว่า Organic Traffic โดยการทำ SEO นั้นสามารถลงมือทำด้วยตัวเองเหมือนที่เราจะแนะนำในบทความนี้ หรือจะจ้างผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO เพื่อเข้ามาช่วยดูเชิงลึกให้ก็ได้
การทำ SEO ช่วยให้ธุรกิจของคุณมี Organic Traffic ส่งผลต่อยอดขายอย่างยั่งยืนในระยะยาว แต่ก็จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาปรับแต่งอันดับอย่างต่อเนื่อง
ที่นี้มาลองดูวิธีการทำ SEO แบบที่สามารถนำไปเริ่มทำเองได้เลย
ใช้คีย์เวิร์ดในการทำ SEO อย่างชาญฉลาด
คีย์เวิร์ดคือหัวใจสำคัญของการทำ SEO เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าปราศจากคีย์เวิร์ดแล้ว ลูกค้าอาจไม่สามารถเจอหนทางที่จะมาเจอกับธุรกิจของคุณบนโลกออนไลน์ได้ เมื่อคุณสามารถค้นหาและรวบรวมคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณได้อย่างครอบคลุมแล้ว ก็นำมาปรับใช้ในคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นในลิงก์ URL เนื้อหาในเว็บไซต์ คำอธิบายรูปภาพ หัวข้อในบทความ เนื้อหาในบทความ และ Meta Data เป็นต้น
คุณสามารถเริ่มค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจง่าย ๆ ผ่านเครื่องมือ Google Keyword Reseach นอกจากนั้นก็ยังมีบริการของเครื่องมือสำหรับค้นหาคีย์เวิร์ดที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยการเลือกนำคีย์เวิร์ดมาใช้ไม่ควรเป็นแค่คีย์เวิร์ดคำสั้น ๆ (Short Tail Keyword) เท่านั้น คีย์เวิร์ดที่ค่อนข้างยาว (Lone Tail Keyword) เช่น 4 คำขึ้นไปก็สามารถเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าค้นหาคุณเจอได้เร็วและง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับคีย์เวิร์ดยอดฮิตอื่น ๆ ที่มีคนนำไปใช้มากมาย ทำให้การอยู่ในอันดับหน้าแรก ๆ ของ Google เป็นสิ่งที่ยากมาก
ตัวอย่างการเลือก Keyword ที่เหมาะกับการทำ SEO
- “คอนโด” ถือเป็น Short Tail Keyword เป็นคำสั้นๆ ที่ไม่ค่อยมีความเฉพาะเจาะจง
- “คอนโด ให้เช่า” มีความยาวเพิ่มขึ้น เจาะจงมากขึ้นว่าเป็นคนที่กำลังหาคอนโดให้เช่า แต่ไม่เจาะจงว่าย่านไหน
- “คอนโด ให้เช่า เอกมัย” ถือเป็น Long Tail Keyword มีความยาวมากขึ้น มีความเจาะจงยิ่งขึ้นว่าคนที่ค้าหากำลังมองหาคอนโดให้เช่าย่านเอกมัย
ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาคนเช่าคอนโดของคุณในย่านเอกมัย แน่นอนว่าควรเจาะจงไปที่ Keyword “คอนโด ให้เช่า เอกมัย”
การเลือก Keyword ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEO โดยหากคุณมี SEO Specialist หรือบริษัทที่รับทำ SEO ที่คอยให้คำปรึกษาอยู่ ก็ควรพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางในการเลือก Keyword ให้ครอบคลุมทั้งทางตรงและทางอ้อม
สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ
การมีคีย์เวิร์ดที่ดีจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าไม่มีการนำไปใช้ทำคอนเทนต์ ผ่านเนื้อหาที่สามารถดึงดูดความสนใจให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณเข้ามาอ่านได้ คอนเทนต์ที่ดีคือคอนเทนต์ที่สามารถตอบคำถาม ให้ข้อมูล หรือช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้ดี หรือศัพท์เทคนิคเรียกว่าการทำคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ Search Intent ทำให้เจ้าจองเว็บควรสร้างคอนเทนต์ที่ดีและมีประโยชน์สำหรับผู้อ่านที่อาจกลายเป็นลูกค้าของคุณในอนาคตได้
ประเภทคอนเทนต์สำหรับการทำ SEO มีหลากหลายวิธีด้วยกันไม่ว่าจะเป็น บล็อก วิดีโอ ภาพอินโฟกราฟฟิก พอดแคสต์ เกสต์บล็อก อีบุ๊ค คู่มือ รีวิวสินค้าหรือบริการ ซึ่งวิธีทำ SEO เป็นวิธีการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการสร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้าได้ในระยะยาว เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้ หากมีทั้งเนื้อหาที่ดีและมีการนำคีย์เวิร์ดไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมแล้ว คุณก็จะมีฐานการตลาดออนไลน์ที่แข็งแรงและสามารถสร้างฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจได้
ใช้ Social Media ในการช่วยเข้าถึงลูกค้าบนโลกออนไลน์
โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือที่ธุรกิจควรนำมาใช้ในการโปรโมทสินค้าหรือบริการออนไลน์ เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีผู้ใช้งานอินสตาแกรมและเฟสบุ๊คเป็นจำนวนมาก ทำให้โฆษณาในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียดังกล่าวได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตามไปด้วย
ซึ่งการที่เนื้อหาในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ต่อเยอะ หรือมี Traffic เข้ามาจากโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ Pinterest ก็จะทำให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณมีความ Popular พอสมควรเนื่องจากมีคนอื่นพูดถึง
น้ำหนักที่ Google ให้กับเรื่องนี้อาจไม่สูงมาก แต่หากเว็บไซต์ไหนทำได้ดีบนโซเชียลมีเดียก็จะช่วยสร้างจุดแข็งของเว็บไซต์ให้เหนือกว่าคู่แข่งบนหน้า Google ทำให้สามารถช่วยให้ชนะคู่แข่งได้เหมือนกัน
อีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้คอนเทนต์ถูกแชร์บน Social Media ได้มากขึ้นคือการตั้งชื่อแบรนด์ให้น่าสนใจ จำง่าย ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และน่าเชื่อถือ
สร้างคอนเทนต์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานบนโทรศัพท์
นอกจากคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ใส่คีย์เวิร์ด SEO และโปรโมทธุรกิจผ่านโซเชียลมีเดียแล้ว ก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจได้ว่าเป็นคอนเทนต์ที่เป็นมิตรสำหรับผู้ใช้งานบนโทรศัพท์ด้วย เนื่องจากโทรศัพท์เป็นอุปกรณ์ที่มีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายและมากกว่าคอมพิวเตอร์ หากเว็บไซต์ของคุณสามารถใช้งานได้ง่ายเมื่อเข้าถึงผ่านโทรศัพท์ ก็จะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าของคุณสั่งซื้อสินค้าหรือบริการของคุณได้ง่ายขึ้นด้วย
การทำเว็บไซต์ให้รองรับการแสดงผลบนโทรศัพท์เรียกว่าการทำเว็บไซต์แบบ Responsive Design โดยปรับได้ในโดเมนเว็บไซต์เดียวกันเลย ไม่ต้องสร้าง Sub-domain แยก ซึ่งต้องคุยกับผู้พัฒนาให้ดีก่อนเริ่ม เพราะหากพัฒนาแล้วต้องมาแก้ทีหลังก็จะเป็นงานช้างอยู่
ใช้เทคนิค On-Page SEO
การทำ On-page SEO คือการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้เป็นไปตาม Guideline ของ Google ทำให้เว็บไซต์ของคุณใช้งานได้ง่าย ทำให้ค้นหาเจอได้ง่าย อยู่อันดับต้น ๆ ของ Search Engine โดยตัวอย่างการทำ SEO ในส่วนของ On-page ได้แก่การเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ หรือ Pagespeed ไปจนถึง สร้างหัวข้อบทความ เนื้อหา และรูปภาพโดยใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องและคำอธิบายที่เหมาะสม ใส่ Internal Link เพื่อให้เนื้อหาในเว็บไซต์ของธุรกิจคุณสามารถเชื่อมโยงกันได้ดีขึ้น ใช้ URL ที่อ่านได้ง่าย และเขียน Meta Description ที่เป็นการสรุปข้อความบน Search Engine ให้กับผู้อ่าน
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญอย่างมากเกี่ยวกับการทำ SEO ก็คือการคอยโต้ตอบกับลูกค้า เช่น หากลูกค้าพอใจในบริการก็ให้ลองเชิญลูกค้าเข้ามารีวิว ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวบน Google My Business หรือ Facebook เพราะจะช่วยให้ Google เข้าใจว่าธุรกิจของคุณเป็นที่พอใจต่อลูกค้า และหากมีใครมารีวิวในทางบล คุณก็ต้องรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว เพื่อแสดงถึงความเอาใจใส่
SEO คืออีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะพาธุรกิจของคุณก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ เริ่มตั้งแต่การทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณค้นหาคุณเจอบนโลกออกไลน์ เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจผ่านการเข้าถึงเว็บไซต์แบบ Organic ซึ่งเป็นโอกาสของการมีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ลองนำเทคนิคที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ไปปรับใช้ รับรองว่าจะทำให้คุณสามารถเพิ่มกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและช่วยเพิ่มยอดขายของคุณได้อย่างแน่นอน