มนุษย์เราใช้เวลา 1 ใน 3 ของวันหรือมากกว่านั้นไปกับการทำงาน โดยส่วนสำคัญที่จะส่งผลว่างานมีแนวโน้มจะออกมาดีหรือไม่ก็คือสังคมที่ทำงาน.. ซึ่งหากสังคมการทำงานมีความ Toxic (Toxic Workplace) ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับคน Tocix (Toxic People) หรือบรรยาการการทำงานที่ Toxic (Toxic Environment) ก็ย่อมส่งผลกับทั้งตัวงาน พนักงาน และบริษัทในหลายมิติ
ซึ่งผลจากการทำงานใน Toxic Workplace นั้นอาจเป็นอาการที่หลายคนก็เคยเผชิญ เช่น อาการ Burnout, Bully, การรู้สึกมี Work-life Balance ที่ไม่สมดุล หรือการมีปัญหาที่พูดที่ไม่สะดวกใจ ที่ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังในที่ทำงาน คุณในฐานะหัวหน้างาน เจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารอาจเป็นได้ทั้งผู้แก้ปัญหา ให้กับเหตุการณ์เหล่านี้ หรือในอีกทางหนึ่ง คุณเองก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
Checklist สัญญาณที่บ่งบอกว่าสังคมที่ทำงานมีแนวโนมเป็น Toxic Workplace
- พนักงานรู้สึกกลัว หรือ รู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็นหรือพูดสิ่งที่อยู่ในใจกับทีมหรือหัวหน้า
- หัวหน้าชอบถามเกี่ยวกับงานของพนักงานแบบไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่เพื่อหาโอกาสตำหนิวิจารณ์
- พนักงานไม่สะดวกใจที่จะพูดคุยหรือรายงาน HR เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น
- ในการประชุม การพูดคุยเป็นไปในทิศทางเดียวคือจากหัวหน้าสู่ลูกน้อง
- คำพูดที่สร้างความไม่สบายใจมีมากกว่าคำพูดให้กำลังใจหรือสนับสนุน
- ความเห็นหรือข้อเสนอใหม่ๆ มักถูกปัดตก
- หากมีความผิดพลาด คนในทีมมีแนวโน้มที่จะถามหาว่าปัญหามากจาก “ใคร” มากกว่า “อะไร” คือ สาเหตุของปัญหา และอะไรคือทางออกของปัญหา
- มีการกลั่นแกล้งในที่ทำงาน ทำให้พนักงานเกิดความไม่สะบายใจ
- พนักงานลาออกบ่อย
Related Posts
หากคุณรู้สึกว่าคุณกำลังอยู่ในสังคมการทำงานที่เข้าข่ายลักษณะเหล่านี้ล่ะก็ อย่าพึ่งกดปิด ลองมาทำความเข้าใจถึงปัญหาที่สำคัญนี้กันก่อนดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณคือหัวหน้างาน หรือเจ้าของกิจการแล้วละก็ คุณมีส่วนสำคัญที่จะช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้ และทำให้สภาพแวดล้อมในที่ทำงานของคุณ เป็นมิตรมากขึ้น
วิธีการรับมือกับสังคม Toxic ในทีทำงาน
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสังคมการทำงาน Toxic อาจเกิดได้จากปัจจัยหลัก 2 ประการคือ “คน” เช่น การกลั่นแกล้งในที่ทำงาน และ “งาน” เช่น ระบบการทำงานที่ไม่เปิดรับความคิดเห็นใหม่ หรือ งานที่หนักจนเกินไป ซึ่งนำไปสู่วิธีรับมือได้ดังนี้
- หาต้นตอที่ก่อให้เกิด Toxic Workplace
ตรวจสอบว่าความ Toxic มาจากไหน ปัญหาคืออะไร ตัวคุณ? งาน? หรือลูกน้อง โดยอาจทำได้ผ่านการถามตรงๆ หาโอกาสพูดคุยกับพนักงานของคุณ หรือ ถามอ้อมๆ เพื่อให้พนักงานรู้สึกสบายใจที่จะพูดมากที่สุด เช่น การทำแบบสำรวจแบบไม่ระบุชื่อ เป็นต้น
- แก้ไขที่ตัวหัวหน้างาน
หากต้นตอของ Toxic Workplace มาจากตัวคุณ ลองค่อยๆ หาสาเหตุว่านิสัยหรือพฤติกรรมอะไร ที่ทำให้พนักงานไม่สบายใจ โดยหากปรับได้คุณควรปรับโดยอาจเริ่มจากค่อยๆ ปรับทีละนิด แต่หากเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปรับได้จริงๆ อาจลองหาตรงกลางระหว่างคุณและพนักงาน
แน่นอนว่าการพูดคุยสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยหนึ่งในลักษณะของหัวหน้าที่หลายคนอยากทำงานด้วยคือการเข้าถึงได้ง่าย หรือ Approachable แม้คุณจะไม่อาจปรับทุกอย่างได้ตามที่ลูกน้องต้องการ แต่การที่ลูกน้องสามารถเข้าถึงคุณได้ พูด บอกกล่าวสิ่งต่างๆ ได้ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีของสังคมการทำงานที่ไม่ Toxic เช่น การจัดทำ Feedback Form เป็นต้น - แก้ไขที่ตัวงาน
หากปัญหาของสังคมออฟฟิศที่เป็นพิษ มาจากงาน ลองทบทวนเนื้องานอีกครั้ง ว่างานที่คุณมอบหมายไปง่ายหรือยากเกินไปไหม งานที่ทำอยู่เยอะเกินไปรึเปล่า ทีมงานขาด Work-life Balance หรือไม่ หากใช่ ควรลองพูดคุยกับทีม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และหาทางออกร่วมกันอย่าปล่อยให้ความเครียดสะสม จนงานพรากความสุขในชีวิตประจำวันคุณและทีมไป อาจทำได้โดยการเปลี่ยนวิธีแบ่งงาน เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน เป็นต้น
หรือในอีกมุมหนึ่ง หากงานทุกอย่างมีระบบที่ดีแล้ว แต่หนักงานยังรู้สึกว่างานยากเกิน เยอะเกิน คุณอาจต้องลองกลับมาดูว่าคุณได้ Put the right man on the right job แล้วหรือเปล่า - แก้ที่ตัวคน
หากปัญหามาจากคน หรือพนักงาน คุณคือคนที่สำคัญที่ควรเข้าไปพูดคุยหาทางแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆ ภายในทีม สอดส่องดูพฤติกรรมของสมาชิกภายในทีม สังเกตปัญหาที่อาจซุกซ่อนอยู่ หลายครั้งคนเราอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลัง Toxic ใส่คนอื่น
คุณในฐานะหัวหน้างานอาจ จัดการได้โดยการลองพูดคุยหรือหาวิธีแจ้งให้เขาเหล่านั้นทราบถึงความ Toxic นั้นโดยที่ยังรักษาความรู้สึกเขาอยู่ ดังนั้น สิ่งที่คุณทำได้คือการหาวิธีพูดคุย กับสมาชิกแต่ละคนเพื่อสังเกตปัญหาที่ซุกซ่อนอยู่และเพื่อจัดการปัญหาเหล่านั้น ไม่ให้บานปลายได้ทันท่วงที
อีกวิธีหนึ่งคือการเปิดโอกาสให้พนักงานเป็น Whistleblower เพื่อเป็นหูเป็นตาในบริษัท
ความสำคัญของการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีในที่ทำงาน
จากที่เล่าไปก่อนหน้านี้ สภาพแวดล้อมการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำงาน ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพของการทำงานเป็นทีมด้วย
อย่างแรกเลย ความสุขของพนักงานส่งผลโดยตรงกับผลลัพธ์ของงาน พนักงานที่มีความสุข ทำงานแล้วได้คำชมย่อมส่งผลให้มีความกระตือรือร้นอยากทุ่มเทให้กับทำงาน และมีความอดทน พร้อมรับแรงกดดันต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น
สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีย่อมทำให้พนักงานอยากอยู่ต่อกับบริษัทนานๆ โดยไม่ต้องมาจากการที่พยายามบังคับ หรือออกกฎต่างๆ ให้พนักงานจงรักภักดี ซึ่งพนักงานจะรักบริษัทได้ก็มาจากที่บริษัทเองก็ได้ให้อะไรกับพนักงานมากกว่าแค่เงินเดือน เหตุผลในการเลือกงานของหลายคนมาจากทั้ง เนื้องาน เงินเดือน และสังคมการทำงาน แม้งานจะสนุก เงินเดือนเยอะ แต่สังคมการทำงานบั่นทอนก็อาจเป็นเหตุผลที่สำคัญที่ทำให้ คนเก่งๆ ไม่อยู่กับคุณ
สังคมการทำงานไม่ได้เป็นเพียงแค่สภาพแวดล้อม แต่เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลโดยตรงกับงาน และคน ในบริษัท นี่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่บริษัทควรให้ความสำคัญ และยกเป็นหนึ่งในหัวเรื่องหลักในการพัฒนาบริษัท
อีกหนึ่งสิ่งที่บริษัทสามารถทำเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาบริษัทได้คือการออกแบบ Work-Experience Design เพื่อประเมินระดับความสุขของพนักงานในบริษัทเรื่อยๆ ตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น และพัฒนาต่อไปให้ดีที่สุด
หากคุณชอบบทความนี้ และเรื่องราวธุรกิจในยุคดิจิทัลแบบนี้ สามารถเข้ามาที่ www.hardcoreceo.co ได้ทุกสัปดาห์ (หรือค้นหา HardcoreCEO บน Google)
และที่สำคัญ Follow เราบน Facebook HardcoreCEO พร้อมกด See First เพื่อรับบทความธุรกิจสดๆ ร้อนๆ ก่อนใครจาก HardcoreCEO ด้วยนะครับ
References: theleadershipreinformation, bustle, e-designstudio